Featured Post Today
print this page
Latest Post

กฏทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์

กฏทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์

1. ต้องทำงานหนัก สำหรับวอร์เรนแล้ว เขาฟันธงเลยว่า ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้ ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้

2. อย่าขี้เกียจ เขาได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ขนาดกุ้งมังกรตัวโต ๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้” หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอ

3. รายรับจากหลายแหล่ง ข้อนี้เป็นเคล็ดลับของมหาเศรษฐีหลายคน ไม่ใช่เฉพาะวอร์เรน เพราะการหวังพึ่งรายได้จากแหล่งเดียว ทำให้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของภาวะที่ไม่แน่นอน เขาแนะนำให้ทำการลงทุนที่ฉลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณควรมีรายได้ส่วนอื่นจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายรับเข้ามาในแต่ละเดือนได้ด้วย

4. ควบคุมรายจ่าย เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจ่ายเงินซื้อสิ่งที่คุณไม่มีความต้องการจริง ๆ คุณก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจต้องขายสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดแทน ดังนั้นคิดและตั้งสติก่อนที่จะจ่ายเงินซื้ออะไรในชีวิตเสมอ

5.ตั้งใจออม วอร์เรนเน้นว่าเราอย่ารอเก็บออมเงินที่เหลือหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจนพอใจ แต่เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้มาเพื่อเก็บสะสมก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย หลายคนมักจะเข้าใจผิด ใช้จ่ายแล้วเหลือจึงนำเข้าแบงก์ ที่จริงต้องนำออกมาออม ก่อนจะไปทำอย่างอื่น

6. งดกู้ยืม คนที่กู้หนี้ยืมสินจากคนอื่น มักจะตกเป็นทาสของคนที่คุณไปกู้ยืม ดังนั้นต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พยายามมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพเท่าที่เราหามาได้ อย่าไปสร้างหนี้สร้างสิน โดยไม่จำเป็น พยายามดำรงชีวิตอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว

7. จัดระบบบัญชี เขาใช้คำคมมาเปรียบเทียบว่า “ไม่มีประโยชน์ที่จะถือร่มกันฝน ตราบใดที่รองเท้าที่คุณสวมใส่นั้นยังมีรูอยู่ เพราะมันทำให้เปียกเหมือนกัน” นั่นคือต้องอย่าทำให้มีจุดรั่วไหลของบัญชี

8. หมั่นตรวจสอบ วอร์เร็นให้ความสำคัญกับการตรวจสอบมาก เพราะว่าค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเปรียบเสมือนรูรั่วของเรือ รูรั่วเพียงเล็ก ๆ แต่นานไปก็สามารถจมเรือใหญ่ทั้งลำได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายทุกชนิดเสมอ

9. จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ตราบเท่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจ เขากล่าวว่าเราไม่ควรจะทดสอบความลึกของแม่น้ำที่จะข้าม ด้วยขาสองข้างพร้อม ๆ กัน เพราะเราอาจจมน้ำตายได้ ในการจัดการความเสี่ยงเราต้องมีแผนสำรองเสมอ ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องบริหารความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดที่สุ

10. บริหารการลงทุน อย่าเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มลงทุนในสิ่งเดียวกัน เปรียบเหมือนกับอย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน เพราะถ้าตะกร้าหล่นจะทำให้ไข่แตกหมดทุกใบ ดังนั้นเราต้องกระจายความเสี่ยง เพราะธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่อีกธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในขาขึ้น ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมยังอยู่ได
0 ความคิดเห็น

"รักแร้ดำ" ทำอย่างไรดี





"รักแร้ดำ" ทำอย่างไรดี

ปัญหาใกล้ๆ ตัว อย่างรักแร้ดำคล้ำที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นนี้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกั

- มีผิวคล้ำอยู่แล้วตามกรรมพันธุ์

- การเช็ดถูแรงๆ

- การเสียดสีเป็นเวลานาน

- อาการระคายเคือง

- แพ้สารเคมีที่สัมผัสผิวอย่างต่อเนื่องเช่น สบู่ โรลออนระงับกลิ่นกาย หรือน้ำหอม

- การติดเชื้อแบคทีเรียก็เป็นอีกสาเหตุของรักแร้ดำได้

4 วิธีช่วยแก้ไขปัญหารักแร้ดำคล้ำให้กลับมาขาวเนียนดังเดิม มาฝากคุณๆ กันค่ะ

1. หลีกเลี่ยงการเช็ดถูแรงๆ บริเวณผิวใต้วงแขนที่บอบบาง

2. หยุดใช้สารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ทันที เช่น หากแพ้น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้โรลออนชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า “Fragrance-Free” โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลาก หากมีชื่อสารที่แพ้ ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทน

3. ถ้าดำมากหรืออาการไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาแพทย์ทันที เช่น ในกรณีที่รักแร้ดำและนูนเหมือนกำมะหยี่ ซึ่งมักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Erythrasma เป็นต้น


มาลองใช้สูตรสมุนไพรธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ใต้วงแขนขาวเนียน ดังนี้ค่ะ

มะขาม พืชพื้นบ้านที่เรารู้จักกันดี โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อยมาทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก นอกจากทำให้ผิวขาวใสแล้ว ยังช่วยให้ผิวเนียนนุ่มได้อีกด้วย

มะนาว ที่เหลือจากก้นครัว ใช้มะนาวเอามาถูรักแร้ทิ้งไว้ 2-3 นาที จึงล้างน้ำออก ส่วนที่เหลือของมะนาวยังใช้ถูตามข้อพับ หัวเข่า ข้อศอกที่ดำๆ ได้อีกด้วย

เกลือสปา ใช้เกลือขัดผิวถูเบาๆ เน้นว่าเบาๆนะคะ ไม่เช่นนั้นเกลืออาจจะบาดรักแร้เอาได้

ลองทำดูนะคะ ที่สำคัญอย่าลืมว่าต้องดูแลสุขภาพให้ดีจากภายใน แล้วคุณจะรู้ว่าความสวย ความหล่อในแบบฉบับของคุณ เป็นเช่นไรค่ะ
0 ความคิดเห็น

ชื่อวัดโรง ว่า "วัดโรงน้อยขึ้นพะโคะ"




กลับบ้านช่วงปีใหม่ ช่วงชิงจังหวะตอนฝนหยุด เกาะชายเสื้อแม่ไปตักบาตรเอาบุญที่วัด แม่หิ้วชั้น(ปิ่นโต) มัน(ผม)หิ้วกล้อง ถึงวัดก็สำรวจวัดก่อนเลย เดินไปเจอป้าย แวะอ่านและพูดออกมาคนเดียวเหมือนกระเอกละครช่องสามว่า วัดบ้านเราก็เก่าแก่เหมือนกันนะเนี๊ยะ ในป้ายกล่าวไว้ว่า

"วัดโรง" เป็นวัดโบราณที่ปรากฏประวัติความเป็นมาอยู่ในเอกสารโบราณโดยในแผนที่ภาพกัลปนาวัดพะโคะ ซึ่งเป็นเอกสารโบราณสมัยอยุธยา ปรากฏชื่อวัดโรงว่า "วัดโรงน้อยขึ้นพะโคะ" โดยปรากฏปรากฏอยู่ทางทิศใต้ของวัดโรงใหญ่และอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองพังยาง โดยปรากฏภาพวัดโรงแสดงด้วยรูปภาพอุโบสถที่มีลักษณะเป็นอาคารทรงจั่วหลังคาสองชั้นลดหลั่นกันลงมา พื้นอุโบสถยกสูง
นอกจากนี้ ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร ได้บันทึกประวัติความเป็นมาของวัดโรงไว้ว่า วัดโรงเป็นวัดที่สร้างขึ้นนับตั้งแต่ พ.ศ 2300 เดิมมีนามว่า "วัดบน" อยู่ห่างจากที่ตั้งวัดในปัจจุบันทางทิศตะวันออก ต่อมาสถานที่ตั้งวัดในปัจจุบันมีประชาชนมากขึ้น และได้มาปลูกบ้านเรือนอยู่บริเวณริมคลอง ตำแหน่งที่ตั้งวัดก็ได้ย้ายมาสร้างขึ้นที่ริมคลองในบริเวณที่มีโรงเรือ จึงได้มีนามว่า "วัดโรง" และได้รับพระราชทานวิสงคามสีมา (เขตที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานแก่พระสงฆ์เป็นการเฉพาะเพื่อใช้สร้างอุโบสถโดยประกาศเป็นพระบรมราชโองการ) ประมาณ พ.ศ 2370

Cr.ป้ายบูรณะ โดย สำนักงานศิลปากรที่ 13 สงขลา กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

จาก

https://www.facebook.com/supotch.nuallaong









0 ความคิดเห็น
 
Support : Creating Website Nakon
Copyright © 2013. คนบ้านเราเพ. - All Rights Reserved
Created by Suwachai